“กว่าร้อยละ 40 ของประชากรโลก ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้” แล้วคุณล่ะ เป็นหนึ่งในคนขี้แพ้เหล่านั้นหรือไม่? เชื่อว่าหลายคนคงเบื่อหน่ายกับอาการของโรคภูมิแพ้ที่กวนใจมานานหลายปี ยิ่งในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันและอันตรายจากเชื้อไวรัสที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ยิ่งสร้างความกังวลใจให้กับผู้ป่วยภูมิแพ้และคนรอบข้างอยู่ไม่น้อย เพราะอาการของโรคภูมิแพ้บางชนิด มีอาการคล้ายกับโรค COVID-19 ด้วย
ทำอย่างไรจึงจะชนะจากโรคภูมิแพ้?
“การจะหายขาดจากโรคภูมิแพ้ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดใด อย่างเช่นในเด็ก ที่อาจจะแพ้ไข่หรือแพ้นมมวัว เมื่อโตขึ้นก็อาจหายจากอาการแพ้อาหารเหล่านี้ได้ แต่สำหรับภูมิแพ้ในผู้ใหญ่ที่พบโดยมากจะเป็นลักษณะของโรคภูมิแพ้เรื้อรัง อาจจะมีอาการกำเริบมาเป็นบางช่วงตามฤดูกาล การเจ็บป่วย หรือการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้”
โรคภูมิแพ้ จึงจัดเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใดก็ไม่สามารถหายขาดได้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะหากคุณใส่ใจดูแลสุขภาพก็จะสามารถอยู่กับโรคภูมิแพ้ได้แบบไม่พ่ายแพ้
วิธีลดความเสี่ยงต่ออาการภูมิแพ้กำเริบ
สาเหตุหลัก ๆ ของโรคภูมิแพ้มาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมและสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ยากจะหลีกเลี่ยง แต่สิ่งสำคัญก็คือเมื่อเป็นภูมิแพ้แล้วจะมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้อาการของโรคนี้กำเริบจนส่งผลต่อการใช้ชีวิต ซึ่งวิธีการดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ มีดังนี้
หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เมื่อทราบแล้วว่าตัวเองเป็นภูมิแพ้ชนิดใด วิธีที่ง่ายที่สุด คือการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ส่งผลให้อาการภูมิแพ้กำเริบ เช่น ไรฝุ่น ฝุ่นควันและมลพิษ สารเคมี เกสรดอกไม้ หรืออาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘ไรฝุ่น’ เป็นตัวการสำคัญของการเกิดโรคภูมิแพ้ ทั้งภูมิแพ้ทางเดินหายใจและภูมิแพ้ผื่นผิวหนัง ดังนั้นควรรักษาความสะอาดที่อยู่อาศัย และของใช้ส่วนตัวอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราหรือแบคทีเรียที่เป็นอาหารชั้นดีของไรฝุ่น
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับตอนกลางคืน เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้ซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ที่สึกหรอ และสร้างเซลล์ในระบบภูมิต้านทาน จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยชิคาโก ด้วยการให้วัคซีนไข้หวัดกับผู้ป่วยที่นอนหลับคืนละ 7-8 ชั่วโมงแล้วพบว่าร่างกายของคนกลุ่มนี้สามารถสร้างแอนติบอดี้เพื่อต้านเชื้อไข้หวัดได้ดีกว่าผู้ป่วยที่นอนหลับเพียง 4 ชั่วโมงถึง 50%
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การออกกำลังกาย จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีและนำพาเม็ดเลือดขาวไปช่วยกำจัดเชื้อโรคยังเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนั้นการออกกำลังกาย สำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ก็จะช่วยซ่อมแซมภูมิคุ้มกันที่บกพร่องและเสริมภูมิต้านทานให้แข็งแรง ซึ่งหากจะให้เห็นผลควรออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีขึ้นไป ทั้งนี้สำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์แนะนำวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพราะหากหักโหมเกินไปอาจทำให้อาการกำเริบ
ทานอาหารที่ช่วยสร้างภูมิต้านทาน ‘ร่างกายของเราจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าเราทานอะไรเข้าไปบ้าง’ คำกล่าวนี้เป็นจริงเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นภูมิแพ้จะต้องเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์และมีสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ซึ่งสิ่งสำคัญ คือทานอาหารให้หลากหลายและครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ซึ่งเน้นที่ โปรตีนคุณภาพดีที่จะให้สารอาหารที่มีประโยชน์ที่หลากหลายเพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้เลย และผัก ผลไม้ซึ่งจะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่หากกังวลว่าสารอาหารที่ได้รับจากการทานอาหารเพียงอย่างเดียวอาจไม่มากพอที่จะช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิต้านทานได้ ก็อาจเลือกทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นสำหรับการเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายควบคู่ไปด้วยตามเหมาะสม
แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหายขาดจากโรคภูมิแพ้ แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะใส่ใจและดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ และเสริมภูมิต้านทานด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจากอาการของโรคภูมิแพ้ เพียงเท่านี้แม้คุณจะเป็นโรคภูมิแพ้แต่ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างคนไม่แพ้ได้แน่นอน
เพิ่มภูมิต้านทาน หยุดอาการภูมิแพ้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/